โปรแกรม Sculptra คอ ผิวหน้าเด็ก ผิวคออ่อนเยาว์ไปพร้อมกัน
การดูแลผิวหน้าด้วยการฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Biostimulator) อย่างโปรแกรม Sculptra นั้นได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะเราได้ผิวใหม่ที่ตึงตัวขึ้น ริ้วรอยลดเลือน กรอบหน้ายกกระชับและผิวหดตัวจนคนรอบตัวสังเกตการเปลี่ยนแปลงได้ แต่คงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติของรูปหน้า จนคนไข้ผมหลายๆท่านเริ่มสังเกตว่าผิวหน้าเด็กลงจนเมื่อเปรียบเทียบกับผิวคอแล้วต่างกันมากชัดเจน เราสามารถฉีดโปรแกรม Sculptra ที่ผิวคอเพื่อคาดหวังผลลัพธ์แบบเดียวกับที่ใบหน้าได้หรือไม่ บทความนี้ผมเล่าให้ฟังครับ
ลำคอ โดยเฉพาะผิวหนังคอนั้นถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ความอ่อนเยาว์ที่สำคัญและชัดเจนมาก เมื่ออายุมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงหลายประการส่งผลให้คอเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย แลดูมีอายุ เนื่องมาจาก
1.กล้ามเนื้อ Platysma หดตัวชัดขึ้น (Prominence of platysmal banding)
2.กระเปาะแก้มห้อย (Jowling along the mandibular border)
3.ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat)
4.ผิวหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน (Excessive skin laxity due to loss of collagen and elastin)
โดยปัจจัยทั้ง 4 ประการนี้ แพทย์จะเลือกใช้วิธีการรักษาแต่ละปัจจัยต่างกัน เราจะเห็นครับว่าในปัจจัยที่ 4 หรือการที่ผิวหย่อนคล้อยจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินนั้น เราสามารถรักษาได้ด้วย Biostimulator โดยตรงเพราะสารกลุ่มนี้จะไปช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจน อีลาสตินและสารระหว่างเซลล์อื่นๆที่จำเป็นเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สูญเสียไปให้เพิ่มจำนวนและกลับมาแลดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
โปรแกรม Sculptra คอ นั้นจึงเป็นอีกหนึ่งการรักษาผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการศึกษาตีพิมพ์ในระดับนานาชาติมายาวนานต่อเนื่อง และมีเทคนิคการผสมตัวยา Sculptra ที่แตกต่างจากการฉีด Sculptra ที่บริเวณใบหน้า รวมถึงมีเทคนิคการฉีดที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น
1.บริเวณที่หย่อนคล้อยในท่าตรง (Upright position)
2.เวคเตอร์แรงดึงผิวบริเวณลำคอที่ต้องการ (Vector)
3.โครงสร้างกายวิภาคที่ห้ามฉีด เช่น ต่อมธัยรอยด์ (Anatomy)
4.ชั้นผิวที่ต้องการฉีด (Subdermal or subcutaneous plane)
เพราะผิวหนังบริเวณลำคอนั้นบอบบาง และมีความหนาเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น การฉีดผิดชั้น โดยเฉพาะฉีดลึกเกินไป อาจทำให้ตัวยา Sculptra เข้าไปอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อ Platysma ส่งผลให้ยากระจายตัวไม่ดีและเกิดเป็นก้อน (Nodule) ได้ครับ
เคสรีวิวโปรแกรม Sculptra คอ
ส่วนใหญ่แล้วผมแนะนำให้รักษาด้วยโปรแกรม Sculptra คอ เพียงครั้งละ 1 vial เท่านั้น แบ่งการรักษา 2-3 ครั้ง ห่างกัน 6-8 สัปดาห์ต่อครั้ง ก็เพียงพอที่จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน และผลลัพธ์อยู่ยาวถึงอย่างน้อย 2 ปีครับ ในรายที่มีปัญหาลำคอจากปัจจัยอื่นๆด้วยนอกจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน แนะนำให้ทำการรักษาด้วยเทคนิคอื่นๆควบคู่ไปกับการฉีด Sculptra คอ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงสาเหตุและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากที่สุด
1. โปรแกรม Sculptra คอ + โปรแกรม Filler เส้นสร้อยคอ เหมาะสำหรับผู้ที่มีคอความหย่อนคล้อย ผิวมีริ้วรอยและมีเส้นสร้อยคอลึก
2.โปรแกรม Sculptra คอ + โปรแกรม Ulthera เหนียงและคอ เหมาะสำหรับผู้ที่คอมีความหย่อนคล้อย มีเหนียง ขากรรไกรไม่กระชับ
3.โปรแกรม Sculptra คอ + โปรแกรมร้อยไหม เหนียงและคอ เหมาะสำหรับผู้ที่คอมีความหย่อนคล้อย และมีไขมันเหนียงชัด เหนียงห้อยเยอะ แต่ยังไม่อยากดูดไขมันหรือผ่าตัดยกกระชับ
4.โปรแกรม Sculptra คอ + โปรแกรม Morpheus8 เหนียงและคอ เหมาะสำหรับผู้ที่คอมีความหย่อนคล้อย และมีริ้วรอยตื้นบริเวณลำคอ texture ผิวไม่สม่ำเสมอ
5. โปรแกรม Sculptra คอ + โปรแกรมโบท็อกซ์เส้นเหนียง เหมาะสำหรับผู้ที่คอมีความหย่อนคล้อย และมีการทำงานของกล้ามเนื้อ Playtsma ชัดเจน มีเส้นเหนียงแนวตั้งขึ้นชัดตามลำคอ และดึงให้มีกระเปาะแก้ม
การรักษาปัญหาคอนั้นต้องอาศัยการประเมินผิวองค์รวม และเลือกใช้การรักษาที่เหมาะสมจึงจะเกิดผลลัพธ์ชัดเจนและเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆจากการรักษาให้ได้มากที่สุดครับตัวอย่างการรักษาปัญหาผิวคอหย่อนคล้อยควบคู่ที่แนะนำ